มารู้จักรสชาติของกาแฟแต่ละทวีปกัน

รสชาติของกาแฟจากประเทศอื่นเป็นยังไงบ้างนะ?”

HIGHLIGHT : 

    • – ฺกาแฟจากทวีปแอฟริกานั้นโดยรวมแล้วจะมีความเปรี้ยวสูง บอดี้น้อย มีความหอมมาก และมีความหวานที่มากเช่นกันครับ สาวกกาแฟสาย Filter ต้องมาโดนกัน
    • – กาแฟในโซนอเมริกาใต้ เหมาะกับผู้หัดดื่ม Single Origin เพราะส่วนมากจะเปรี้ยวน้อย รสชาติ กลม ๆ ดื่มง่าย
    • ถึงแม้เยเมนจะอยู่ในทวีปเอเชียตะวันออกกลาง แต่สำหรับกาแฟแล้วจะจัดอยู่ในโซนแอฟริกา

 _____________________________

ผมเชื่อว่าหลาย ๆ คนคงสงสัยกันมั่งหล่ะครับ ว่านอกจากประเทศไทยแล้ว ที่ไหนเค้าปลูกกาแฟกันบ้าง จริง ๆ แล้ว มีหลายที่ทั่วโลกครับ ผมขอแบ่งออกเป็นโซนใหญ่ ๆ ทั้งหมด 5 โซนและยกตัวอย่างประเทศที่นิยมในแต่ละโซนทวีปนั้น ๆ  ซึ่ง Taste กาแฟที่ผมจะพูดถึงส่วนใหญ่จะเป็นกาแฟในเกรดที่เรียกกันว่า Commercial Grade นะครับ ซึ่ง หากเป็น กาแฟ Specialty Grade นั้น อาจจะมีรสชาติโดดเด่นขึ้น หรือ พิเศษจนไม่มีกลิ่นอายของ Commercial Grade ตามประเทศถิ่นกำเนิดตนเองเลยครับ

 

1. โซนทวีปแอฟริกา

          โซนนี้โดยรวมแล้วจะมี Acidity ค่อนข้างสูง หรือที่เราเรียกกันว่าเปรี้ยวนั่นเอง แต่จะเป็นเปรี้ยวแบบกรดผลไม้นะครับ บอดี้ค่อนข้างน้อยแต่มีรสหวานฉ่ำมาก Aroma จะหอมพุ่งสุดๆ ไปเลย

          ในโซนนี้ ประเทศที่ผมไม่พูดถึงไม่ได้เลย คือ กาแฟจาก Ethiopia ครับ เอธิโอเปียถือเป็นที่แรกๆ ของโลกเลยที่ปลูกกาแฟ และกาแฟเป็นพืชพื้นเมืองของที่นี่ครับ โดยส่วนมากจะใช้ชื่อสายพันธ์ หรือ Varietals ว่า Heirloom ที่นี่ปลูกกาแฟกันหลายเมืองมากๆ ส่วนใหญ่จะมีด้วยกันอยู่ 2 Process คือ Washed และ Natural สำหรับใครที่กำลังเริ่มดื่ม Single Origin จากต่างประเทศ และต้องการเปิดโลกกาแฟในมุมมองใหม่ๆ ผมขอแนะนำ Ethiopia เมือง Yirgacheffe ผลิตแบบ Washed Process ส่วนตัวแล้วกาแฟตัวนี้เป็นตัวที่ต้องลองเลย กาแฟจะเปรี้ยวผลไม้โทน Lemon หรือ Orange กลิ่นหอมเหมือนดอกไม้ และหวานสุด ๆ พอทานแล้ว ต้องพูดกันเลยว่า “เห้ย! นี่มันกาแฟจริงๆ หรือนี่” ยิ่งช๊อตตอนน้ำลายสอของเราไปโดน Acidity ของกาแฟแล้วหล่ะก็ “แม่เจ้าโว้ย หวานเจี๊ยบบ” ส่วน Natural Process ก็เจ๋งไม่แพ้กัน Body จะเพิ่มมากขึ้นและ Acidity ที่ได้ จะเป็น พวก Berry Tone อย่างเช่น Strawberry, Cherry, Blueberry ด้วย Aicidity แบบนี้ Mouth Feel ของเรา จะนวลปากมาก ๆ ครับ ยิ่งตอนทำ ช๊อต Espresso หรือ Ristretto มาใช้ในเมนู Latte หรือ Cappucino ผู้ดื่มอาจจะรู้สึกได้ว่า “นี่มันโยเกิร์ต ผลไม้ชัด ๆ”

          อีกประเทศนึงที่ผมอยากแนะนำ เป็นกาแฟจาก Kenya ครับ กาแฟของที่นี่ มาตรฐานในการผลิตถือว่าสูงเลย เด็ดทุกที่ และมีความนิ่งในการผลิต เมล็ดค่อนข้างใหญ่ ราคาก็ค่อนข้างสูงกว่าหลายๆ ประเทศ กาแฟจะมี Acidity ที่หนักแน่น ถ้าเป็นส้ม ก็ส้มคุณภาพดี ๆ ไม่ใช่แบบส้มจี๊ด เปรี้ยวปี๊ดป๊าดซะอย่างเดียว แต่จะอารมณ์แบบส้มสายน้ำผึ้ง หรือ ส้มแมนดาริน ที่เปรี้ยวอมหวาน กาแฟ Kenya ที่หลาย ๆ คนชอบก็เพราะว่า เป็นกาแฟ โซน Africa ที่ Taste ครบรสกว่าแหล่งอื่นในโซนเดียวกัน และ Body ดี เทียบเคียงกับ โซน Central America ได้เลย

          ส่วนกาแฟจากแหล่งสุดท้ายที่จะยกตัวอย่างในโซนทวีปนี้ คือ Yemen  ครับ เยเมนเป็นประเทศในคาบสมุทรอาหรับ เป็นส่วนหนึ่งของเอเชียตะวันออกกลาง ซึ่งอยู่ใกล้กับทวีปแอฟริกา และได้รับอารยธรรมส่วนมากมาจากเอธิโอเปียครับ และกาแฟที่โด่งดังของเยเมน คือ Mocha Yemen ซึ่งกาแฟตัวนี้เป็นที่มาของเมนูที่เรารู้จักเป็นอย่างดีคือ Caffe Mocha นั่นเอง โดยกาแฟจากแหล่งนี้จะมีรสชาติโกโก้อันเป็นเอกลักษณ์  Mocha Yemen ถือได้ว่าหนึ่งในกาแฟที่น่าลองมาก ๆ แต่จะค่อนข้างหาดื่มยากสักหน่อยในบ้านเราครับ

          กาแฟจากทวีปแอฟริกานั้นโดยรวมแล้วจะมีความเปรี้ยวสูง บอดี้น้อย มีความหอมมาก และมีความหวานที่มากเช่นกันครับ สาวกกาแฟสาย Filter ต้องมาโดนกันเลยครับ

 

2. โซนทวีปอเมริกาใต้

          กาแฟโซนนี้เหมาะกับผู้หัดดื่ม Single Origin เลยครับ ส่วนมากจะเปรี้ยวน้อย ดื่มง่าย รสชาติ กลมๆ ไม่ค่อยโดดเด่นเท่าไหร่ ประเทศแรกที่จะต้องพูดถึงเลยก็คือ Brazil ครับ ประเทศนี้ผลิตกาแฟได้มากที่สุดอันดับ 1 ของโลก และเป็นอันดับ 1  ผลิตสายพันธุ์ Arabica เช่นกันครับ กาแฟ Brazil จะมี Acidity แบบ Green Apple หรือ ผลไม้จำพวก Marlic Acid รสนุ่มนวล Nutty และ Body ดีมากๆ อีกประเทศนึง คือ Colombia หลายคนชอบประเทศนี้เนื่องจาก โดยพื้นฐานรสชาติคล้ายๆ Brazil ทานง่าย แต่ว่ามีมิติของรสชาติ (Complex) มากขึ้นครับ กาแฟทั้ง 2 ประเทศในระดับ Specialty Grade จำพวก COE Rank อันดับต้นๆ แล้วหล่ะก็ Flavour และ Acidity มาเต็มชัดเจน กลิ่นหอมหวานมากๆ แต่ราคาก็จะสูงกว่าเดิมมากๆ ครับ เพราะว่า Taste แบบนี้ในโซน South America นั้นดูแลและผลิตได้ยากครับ ด้วยความที่หายากจัง ผมจึงจะขอแนะนำประเทศ Bolivia แทน ซึ่งเป็นกาแฟโซน South America ที่มี Flavour หลากหลาย มากกว่า Brazil และ Colombia ครับ ราคาก็พอๆ กับ Single Origin ทั่วไปเลยครับ

          อย่างที่กล่าวไป กาแฟ ฺBrazil และ Colombia นั้น นุ่มนวลทานง่าย Acidity น้อย และมี ฺBody ที่ดีมาก จึงนิยมนำไปทำ Base ของ Blend ต่างๆ และที่สำคัญอีกอย่างคือ กาแฟทั้งสองจะไม่รบกวนรสกาแฟจากแหล่งอื่นที่เราใส่เข้าไปเป็น Flavor และ Aroma ใน Blend ครับผม

 

3. ทวีปอเมริกากลาง

          กาแฟโซนนี้จะมีมิติรสชาติค่อนข้างซับซ้อน (Complex) มีความเปรี้ยว ไม่มากไม่น้อยไป บอดี้กลางๆ ถึงมาก ส่วนตัวผมชอบกาแฟในโซนนี้ที่สุด เพราะรู้สึกว่า กินทีคุ้มเลย ครบรส หากใครอยากลองทานกาแฟโซนทวีปนี้แล้วหล่ะก็ ผมขอแนะนำ Guatemala ก่อนเลย กาแฟประเทศนี้เป็นกาแฟที่ดีมาก ๆ มีเอกลักษณ์ คมชัดในรสชาติ จะมี Acidity แบบ Citrus แต่มี Flavor คล้ายกับ Chocolate, Nutty ส่วนของ Body รู้สึกเต็มปากเต็มคำเลยครับ (Round Cup) กาแฟจาก Guatemala หากนำไป Blend จะนิยมนำไปเติมในส่วนของ Flavor เพราะรสชาติโดดเด่นและไม่เปรี้ยวแหลมจนเกินไป ทำให้เรา ทาน Blend นั้นได้อร่อยและรสชาติชัดเจนเลยครับ หากรสชาติเปรี้ยวแหลมของ Ethiopia เป็นรูป 3 เหลี่ยม กาแฟ ฺBrazil เป็นลักษณะวงกลม รสชาติของ Guatemala ก็เปรียบได้กับ รูป 8 เหลี่ยมเลยครับ

          ประเทศต่อมาคือ El Salvador อารมณ์ที่ได้จะคล้ายๆ กับ Guatemala ที่ Complex นั่นแหละครับ แต่ว่านุ่มนวล (Smooth) มากขึ้น มีความ Bright Tone กว่า และในส่วนของ Acidity Citrus จะได้ Sweetness ฉ่ำแบบผลไม้ด้วย (Fruity) หลายคนชอบกาแฟจากแหล่งนี้เพราะเวลาทานรู้สึกครบรสและเบาสบายลื่นคอ ดื่มง่ายครับ

         ประเทศสุดท้ายที่จะยกตัวอย่างคือ Panama ครับ Flavor ที่ได้ จะออก Chocolate และ Almond หรือ Hazelnut นุ่มนวล ดื่มง่าย Acidity ถือว่าน้อย มี Body ที่ดี รสหวานแบบ Caramel ถือได้ว่าเป็นกาแฟที่รสชาติง่าย ๆ แต่ครบรส ตัวหนึ่งเลยครับ ยิ่งโดยเฉพาะสายพันธุ์ Geisha กาแฟสายพันธุ์นี้ ส่วนใหญ่จะทำมา 2 Process คือ Natural Process (Dry) และ Wet Process รสชาติที่ได้ คล้ายๆกับ Ethiopia ที่ผมกล่าวไปในข้อแรก แต่ว่ารสชาติจะมีมิติมากขึ้น และที่สำคัญกาแฟจะมี Body ที่ดีมากเลยครับ สำคัญมากกว่าขึ้นไปอีก ซึ่งทำให้ Panama Geisha โดดเด่น จนผู้ดื่มจะจำได้ชัดเจนที่สุดคือ Acidity ที่ให้รสแบบ Peach หากใครมีโอกาสได้ลอง ผมพูดคำเดียวว่า อย่าพลาดเลยครับ

 

4. ทวีปเอเชีย

          ทวีปนี้รสชาติจะเป็นไปตามแหล่งเพาะปลูกครับ ตัวอย่างเช่น India จะมีรสกลมๆ ถั่วๆ คล้ายๆ กาแฟ Brazil เลยครับ ส่วนกาแฟจากไทยและลาว เท่าที่ผมสัมผัสรสชาติค่อนข้างใกล้เคียงกัน แต่กาแฟไทยจะมีมิติรสชาติมากกว่า ส่วนกาแฟลาวจะเปรี้ยวน้อยกว่าครับ…

          ในทวีปนี้ ประเทศที่มีผลผลิตกาแฟเป็นอันดับที่ 2 ของโลก คือ Vietnam โดยเป็นอันดับ 1 ของโลกในการผลิต กาแฟ Robusta ครับ ในเอเชียเราประเทศที่มีชื่อเสียงในเชิงคุณภาพก็คงจะเป็น Indonesia ที่มีดินภูเขาไฟผลิตกาแฟ หลายตัวเช่น Java (เกาะชวา) และ Sumatra

          ประเทศ Indonesia มีกาแฟที่แพงและโด่งดังไปทั่วโลกเลย คือ Kopi Luwak หรือที่ บ้านเรานิยมเรียกว่า “กาแฟขี้ชะมด” ราคาที่สูงก็คงจะมาจากรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ ปริมาณการผลิตที่น้อย แต่ช่วงหลัง ๆ ผู้บริโภคหลายคนต่อต้านกาแฟขี้ชะมด เนื่องจากส่วนหนึ่งบอกว่ากรรมวิธีผลิตค่อนข้างไม่สะอาด และส่วนใหญ่มองว่าเป็นการทรมานสัตว์ เพราะมีหลายฟาร์มจับชะมดมาขังกรงแล้วนำกาแฟดีบ้างไม่ดีบ้างให้ชะมดกิน โดยส่วนตัวผม Kopi Luwak ของ Indonesia เป็นกาแฟที่น่าลองมากกว่าที่อื่น เพราะความ Original ของมัน แต่ผมว่าเราก็ควรจะหากาแฟที่ไม่เป็นการทรมานสัตว์จะดีกว่ามากครับ.

 

5. โซนโอเชียเนียและหมู่เกาะแปซิฟิก

          ได้แก่ ออสเตรเลีย ฟิจิ และ ฮาวาย  ฮาวายเป็นแหล่งเดียวของอเมริกาเหนือที่สามารถปลูกกาแฟได้คุณภาพครับ กาแฟจากที่นี้ น่าจะถือได้ว่าเป็นกาแฟที่มีค่าแรงการผลิตราคาสูงที่สุดในโลกแล้ว เนื่องด้วยค่าครองชีพและค่าแรงของอเมริกานั้นมากกว่าประเทศที่ปลูกกาแฟหลายตังค์เลยครับ…

___________________________________________________________________________________________

 

…ทางโรงคั่วเราก็จะมีกาแฟ Single Origin จากทั่วมุมโลกออกมาอยู่ตลอด.. ขึ้นอยู่กับว่าช่วงนั้นมีกาแฟจากแหล่งไหนที่น่าสนใจครับ

และนี่จะเป็นเบลนหลักของทางเราครับ Blend จากแหล่งเพาะปลูกไทยและลาว ค่อนข้างเปรี้ยวน้อย บอดี้ดี ดื่มและชงง่าย เหมาะสำหรับกาแฟหลากหลายเมนู ทั้งกาแฟดำและกาแฟผสมนม สอบถามกันมาได้เลยนะครับ https://www.thealisonscnx.com/product-category/roasted-beans/

 

——————

#THEALISONS #Infographic #coffeeinfographic #เดอะอาลีซันบริการดุจญาติฝ่ายแม่ #เครื่องชงกาแฟ #เครื่องบดกาแฟ
#เครื่องกรองน้ำBWT

FROM SEED TO CUP

“กว่าจะเป็นกาแฟ 1 แก้ว ต้องผ่านอะไรมาบ้าง?”

  • HIGHLIGHT : 

    • – ฺการเก็บกาแฟในกะลาดีที่สุดเนื่องจากกันความชื้นและความแห้งได้ดี
    • กาแฟ 1 แก้ว หากเราใช้กาแฟ 20g. ในการชงกาแฟ เกษตรกรจะต้องเก็บผล Cherry ประมาณ 200g.
    • – ต้นกาแฟ 1 ต้น ให้ผลผลิต Cherry ประมาณ 5 – 10kg. ต่อฤดูกาล จากการคำนวณคร่าวๆ ก็จะได้เพียง 50 แก้วต่อ 1 ต้นเท่านั้นเอง
    • – ผลเชอร์รี่กาแฟ 1 kg. ใช้เวลาเก็บมือประมาณ 1 ชั่วโมง เนื่องจากต้องเลือกเก็บ เพราะกาแฟไม่ได้สุกพร้อมกันทั้งหมด

____________________________  

        รู้รึเปล่าครับว่ากาแฟไทย 1 แก้ว ต้องผ่านอะไรมาบ้าง หากใครยังไม่ทราบ ผมจะเล่าให้ฟัง…

– กาแฟจะเริ่มให้ผลผลิตในปีที่ 3-4 หลังปลูก เมล็ดกาแฟช่วงนี้จะเล็ก รสชาติยังไม่ดีเท่าที่ควร

– ให้ผลผลิต เต็มที่เมื่ออายุ 7-8 ปี มีรสชาติที่ชัดเจน และมีความเข้มข้นหรือ Body มากขึ้น

– ออกดอกประมาณเดือน เมษายน ของทุกปีเป็นต้นไป

– ผลเชอรรี่กาแฟ (Coffee Cherry) เริ่มสุกและสามารถเก็บผลผลิตได้ตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคม – กุมภาพันธ์

โดยปกติใน 1 วัน เกษตรกร 1 คน จะเก็บเชอรรี่ได้เพียง 40-50 kg. เนื่องจากต้องใช้เวลาในการเลือกเก็บเพราะกาแฟสุกไม่พร้อมกัน  และเมล็ดไม่สมบูรณ์

หลังจากเก็บเชอรรี่สุกเสร็จแล้ว  จะต้องนำเปลือกออกโดยการแปรรูป (Process) เพื่อให้ได้รสชาติที่ดี

– การแปรรูป (Process) หลักๆ จะมีสองแบบคือ แห้ง (Dry) และ เปียก (Wet) ซึ่งให้รสชาติที่แตกต่างกัน

– Dry Process จะนำเชอรรี่ไปตากให้แห้งระยะเวลาราวๆ 15-20 วัน ให้มีความชื้นประมาณ 10% (ใช้เครื่องวัด) จากนั้นจึงนำมา สีเปลือกกออก (Pulped)

– Wet Process จะนำกาแฟไปลอกเปลือกออก (Pulped) จากนั้นนำไปแช่น้ำ 36-72 ชั่วโมง และขัดเอาเมือกออก (Mucilage) แล้วเอาไปตากแดดให้แห้งอีก 7-10 วัน เพื่อให้ได้ความชื้น 8-10%

Dry Process

ขั้นตอนการนำกาแฟไปลอกเปลือกออก

– การทำ Process จากผลเชอรรี่เป็นตัวกะลากาแฟ (Parchment) จะเหลือเพียง 20% ถ้า 100kg. ก็เหลือเพียง 20kg. กะลากาแฟเท่านั้น

– การเก็บกาแฟในกะลานั้นดีที่สุดเนื่องจาก กันความชื้นและความแห้งได้ดี

– หากจะคั่วกาแฟเราต้องสีกะลาออกก่อน โดยใช้เครื่องสีกะลากาแฟ ให้นึกถึงตอนเราสีข้าวเปลือกเป็นข้าวสาร กระบวนการนี้ก็จะได้สารกาแฟ (Green Bean) ซึ่งเหลือเพียง 80%  เท่านั้น

– ปกติ สารกาแฟใหม่ๆ จะไม่นิยมนำมาคั่วใช้เลย เนื่องจากอาจจะมีความชื้นมากไป หรือ รสชาติยังออกมาไม่เต็มที่ จะใช้คั่วเมื่อสารกาแฟอายุ 2-3 เดือนขึ้นไป

– การคั่วกาแฟ โดยทั่วไปใช้ระยะเวลาราวๆ 10-15 นาที แล้วแต่ Profile และ ความเข้ม ขั้นตอนนี้จะเหลือกาแฟ 85% – 80%

– เมื่อได้กาแฟคั่วแล้ว ปกติจะยังไม่ชงเลยเนื่องจาก Gas จะเยอะและรสชาติจะยังไม่ออกเต็มที่ จะรอประมาณ 5-14 วัน แล้วแต่ Profile การคั่วของ Roaster

– จากนั้น Barista ก็มาชงกาแฟให้เราดื่ม Espresso กัน โดยการบดและชง ประมาณ 1 นาที

        ทั้งหมดนี้ก็เป็นการเดินทางของกาแฟที่กว่าจะมาเป็น 1 แก้วให้เราดื่ม นี่ผ่านอะไรมามากเหมือนกันนะครับเนี่ย แต่ผมเชื่อว่า ทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น คนสวน คนคั่ว และบาริสต้า ต่างก็ตั้งใจ และใส่ใจทุกขั้นตอนกันอย่างสุดฝีมือ เพื่อจะทำให้เรา มีความสุขกับการดื่มกาแฟในทุก ๆ แก้วครับผม

——————

ถึงแม้ว่า กว่าจะเป็นกาแฟให้เราดื่มนั้นลำบากแค่ไหน แต่เราก็เต็มใจที่สรรหากาแฟดี ๆ มาให้ผู้ดื่มนะครับ

สามารถเข้าไปดู Character และรายละเอียดตาม Link นี้เลยครับ

https://www.facebook.com/TheAlisonsCoffeeRoasters/posts/1641594895878200

——————

ทักทายพวกเราได้ที่ :

Line @ : https://line.me/R/ti/p/%40thealisons

Instagram : https://www.instagram.com/the_alisons/

Website : https://www.thealisonscnx.com/

——————

source : 

Photo : by Nathan Dumlao on Unsplash

ขอบคุณข้อมูลจาก : พี่ดำรง กาแฟผาฮี้ อ.แม่สาย จ.เชียงราย   

#THEALISONS #Infographic #coffeeinfographic #เดอะอาลีซันบริการดุจญาติฝ่ายแม่ #เครื่องชงกาแฟ #เครื่องบดกาแฟ
#เครื่องกรองน้ำBWT

SINGLE ORIGIN & BLEND

“SINGLE ORIGIN และ BLEND คืออะไร?”

      • HIGHLIGHT : 

        • – ฺกาแฟเป็นผลผลิตจากธรรมชาติ ซึ่งมีตัวแปรเยอะและควบคุมค่อนข้างยาก
        • – เหตุผลหลัก ๆ ที่มีการทำเบลนขึ้นมาคือ ต้องการลดต้นทุน / ทำให้รสชาติกาแฟนิ่งคงที่ / หารสชาติในแบบที่ต้องการนำเสนอ
        • – ปัจจุบันมี Single Origin จากสวนต่าง ๆ ในไทยเป็นที่แพร่หลายมากขึ้น

       _____________________________

      หลายคนคงเคยเห็นตามหน้าถุงกาแฟคั่วของหลาย ๆ แบรนด์ที่เขียนติดว่า Single Origin หรือ Blend จากแหล่งเพาะปลูกต่าง ๆ นานา กันมาบ้างแล้วใช่ไหมครับ แล้วสงสัยกันไหมครับว่ามันคืออะไร ถ้าอยากรู้เดี๋ยวผมจะเหลาให้ฟัง……      

            SINGLE ORIGIN คือ กาแฟที่มาจากแหล่งเพาะปลูกเดียว มีรสชาติ และเอกลักษณ์ตาม Process (กรรมวิธีการผลิต) และแหล่งเพาะปลูกนั้นๆ ยกตัวอย่างเช่น

            กาแฟจากประเทศ เอธิโอเปีย ซึ่ง character หลักๆ ของกาแฟในโซนนี้ ก็จะมี Acidity สูง (เปรี้ยวแบบกรดผลไม้) Body น้อยถึงปานกลาง แต่ในแต่ละเมืองหรือเมืองเดียวกันคนละหมู่บ้าน / Cooperative ก็จะมีรสชาติแตกต่างกันออกไปอีก บางแหล่งอาจจะมี acidity แบบ berry หรือบางแหล่งอาจจะมี acidity แบบ ส้ม แอปเปิ้ลเขียวหรือ เชอรี่ ฯลฯ

            ในปัจจุบัน Single Origin ที่ดี ๆ ไม่ได้มีแต่กาแฟนอกเท่านั้นนะครับ เดี๋ยวนี้กาแฟไทยของเราพัฒนาไปมาก หลาย ๆ สวน เริ่มทำ Process ให้คุณภาพดีขึ้น การนำเสนอในรูปแบบต่าง ๆ ที่ใหม่เพื่อให้เกิดความแตกต่าง  ทำให้ผู้ดื่มอย่างเรา ๆ หาดื่มกาแฟ Single Origin ง่ายขึ้น และมีสีสันในการดื่มมากขึ้น

            หลายคนชื่นชอบการดื่ม Single Origin เนื่องจาก ต้องการเสพความชัดเจนและสัมผัสถึงคุณภาพ ของรสชาติจากแหล่งนั้น ๆ โดยที่ไม่มีรสชาติอื่นใดมาบดบัง

            ส่วน BLEND คือ กาแฟที่มาจาก 2 แหล่งเพาะปลูกขึ้นไป หรือแหล่งเพาะปลูกเดียวกันแต่คั่วคนละแบบ แล้วนำมาผสมกันนั่นเองครับ

    ซึ่งแนวคิดและเหตุผลหลักๆ ที่มีการทำ Blend ขึ้นมา ก็เพราะ

    •         1. ลดต้นทุน : กาแฟ Single Origin หลากหลายแหล่งส่วนใหญ่รสชาติไม่ได้ดูเด่นมาก แต่ละแหล่งก็จะมีรสชาติที่แตกต่างกันออกไป ส่วน Single Origin ที่รสชาติคุณภาพดี ๆ ต้นทุนราคาอาจสูงไปสำหรับการขาย จึงนำกาแฟ ธรรมดาจากหลายแหล่งมา Blend เพื่อให้ได้รสชาติดีขึ้นแทน
    •         2. ทำให้กาแฟรสชาตินิ่งคงที่ตลอดเวลา : เพราะกาแฟเป็นผลผลิตจากธรรมชาติ ซึ่งมีตัวแปรเยอะและควบคุมค่อนข้างยาก หากใครดื่ม Single Origin บ่อย ๆ จะสังเกตุได้ว่า แม้จะเป็นกาแฟจากสวนเดิม ตัวเดิม Process เหมือนเดิม ในบางปี รสชาติอาจจะไม่เหมือนเดิมก็ได้ จึงนำกาแฟจากหลายแหล่งมา Blend ปรับสัดส่วนตามรสชาติ เพื่อให้ได้รสชาติแบบเดิม
    •        
    •         3. เพื่อหารสชาติในแบบที่ตัวเองต้องการนำเสนอ : ในร้านกาแฟ Specialty หลากหลายร้าน อยากได้กาแฟที่รสชาติโด่นเด่นครบรส ตามความชอบ แต่ครั้นจะหา Single Origin ที่จะได้รสแบบที่กล่าวมานั้น ก็หาค่อนข้างยากและราคาสูงหรือแทบจะไม่มี จึงต้องเลือกกาแฟมา Blend เพื่อให้ได้รสชาติที่ต้องการ ซึ่งบางครั้งในการแข่งขันบาริสต้าหลายคนได้ใช้กาแฟ Single Origin ในระดับ Specialty Grade ที่มีราคาสูง นำมา Blend เพื่อให้ได้รสชาติ ที่มากกว่า Single Origin จะสามารถผลิตได้ มีทั้งการ Blend จากหลายแหล่ง และกาแฟตัวเดียวกันนำมาคั่วต่าง Profile มา Blend กัน

      ทีนี้ก็รู้แล้วว่า Single Origin และ Blend คืออะไร หวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะครับ

    •         สุดท้ายนี้ของให้ทุกคนมีความสุขกับการดื่มกาแฟครับผม

——————

รู้หมือไร่ THE ALISONS เราก็มี BLEND เหมือนกันน๊า ส่วน SINGLE ORIGIN จะมีเฉพาะบางสัปดาห์เท่านั้น

Character และรายละเอียดตาม Link นี้ไปเลยครับ

https://www.facebook.com/TheAlisonsCoffeeRoasters/posts/1641594895878200

——————

ทักทายพวกเราได้ที่ :

Line @ : https://line.me/R/ti/p/%40thealisons

Instagram : https://www.instagram.com/the_alisons/

Website : https://www.thealisonscnx.com/

——————

source : 

Photo : by Nathan Dumlao on Unsplash  

#THEALISONS #Infographic #coffeeinfographic #เดอะอาลีซันบริการดุจญาติฝ่ายแม่ #เครื่องชงกาแฟ #เครื่องบดกาแฟ
#เครื่องกรองน้ำBWT

ระดับการคั่วกาแฟมีแบบไหนบ้าง

“การคั่วของกาแฟมีระดับไหนบ้างนะ?”

  • HIGHLIGHT : 

    • – ฺBody ของกาแฟที่มากขึ้นนั้น ขึ้นอยู่กับระดับการคั่ว วิธีการคั่วและการให้พลังงาน
    • – กาแฟคั่วอ่อนนิยมไปทำกาแฟในแบบ Filter และคั่วกลางขึ้นไปนิยมนำไปชงผ่านเครื่อง Espresso machine แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ขึ้นอยู่กับการนำเสนอของ Barista อีกทีครับ
    • – การดื่มกาแฟคั่วอ่อน หรือ คั่วเข้ม ขึ้นอยู่กับรสนิยมของผู้ดื่ม ไม่มีถูกหรือผิด

________________________________

        ผมขอออกตัวไว้ก่อนเลยนะว่า เรื่องคั่ว ๆ เนี่ย ต้องถามผมเลยครับ..คั่วกาแฟหรอ???…….ป๊าวววว…..คั่วสาววว!!!!!

เดี๋ยววว ๆๆๆๆๆ 5555.

       มีคนถามผมมาเยอะมากครับว่า ระดับการคั่วไหน เป็นระดับการคั่วที่ดีที่สุด?

       ส่วนตัวผมขอตอบว่า ระดับการคั่วที่ทำให้ Character ออกมาชัดเจนที่สุด ขึ้นอยู่ด้วยว่าเรานำไปใช้กรรมวิธีไหนในการชง เช่น กาแฟคั่วเข้มหากเอามาชงกาแฟดริปก็จะมีรสชาติขมไหม้มาปกปิดรสชาติของกาแฟจริงๆ 
หรือ กาแฟคั่วอ่อนหากนำมาชง Espresso ก็จะมีความเปรี้ยวที่มากเกินไป รวมถึงรสชาติต่าง ๆ ยังไม่ถูกดึงออกมาได้เต็มที่่จริง ๆ
และก็ขึ้นอยู่กับการนำเสนอของ Barista ด้วยครับ

       ซึ่ง Roaster ที่ชำนาญ จะมีวิธีคั่วกาแฟ คั่วอ่อนสำหรับ Espresso ให้มีรสชาติและมิติมากขึ้น หรือคั่วกาแฟเข้มไม่ให้มีกลิ่น Smoke มาบดบังรสชาติของกาแฟครับ

ลักษณะทางกายภาพ และรสชาติของแต่ละระดับการคั่ว

 

 

สีของเมล็ดกาแฟแต่ละระดับ

 

       แต่ยังไงก็ตาม การดื่มกาแฟคั่วอ่อน หรือ คั่วเข้ม ก็ขึ้นอยู่กับรสนิยมของผู้ดื่ม ความชอบไม่มีผิดถูกนะครับ
แล้วเพื่อน ๆ หล่ะ ชอบกาแฟคั่วระดับไหน สำหรับชงแบบใด เพราะอะไร มาแชร์กันได้นะคร้าบบบ

—————–
รู้จักระดับการคั่วของกาแฟกันไปบ้างแล้ว ลองมารู้จักกาแฟคั่วของเราบ้างดีกว่าฮะ ว่ามีแบบไหนบ้าง…

Character และรายละเอียดตาม Link นี้ไปเลยครับ
https://www.facebook.com/TheAlisonsCoffeeRoasters/posts/1641594895878200
——————
ทักทายพวกเราได้ที่ :
Line @ : https://line.me/R/ti/p/%40thealisons
Instagram : https://www.instagram.com/the_alisons/
Website : https://www.thealisonscnx.com/

——————

source : 

Photo : by Nathan Dumlao on Unsplash, nousnou iwasaki on Unsplash

#THEALISONS #Infographic #coffeeinfographic #เดอะอาลีซันบริการดุจญาติฝ่ายแม่ #เครื่องชงกาแฟ #เครื่องบดกาแฟ
#เครื่องกรองน้ำBWT

ARABICA VS ROBUSTA

“ARABICA กับ ROBUSTA แตกต่างกันยังไงนะ?”

      • HIGHLIGHT : 

        • – ฺผลผลิตทั่วโลก แบ่งเป็น ARABICA 70% และ ROBUSTA 30%
        • – ประเทศที่ผลิตกาแฟอาราบิก้ามากที่สุดในโลก 3 อันดับ ได้แก่ BRAZIL / COLOMBIA / HONDURAS
        • – ประเทศที่ผลิตกาแฟโรบัสต้ามากที่สุดในโลก 3 อันดับ ได้แก่ VIETNAM / INDIA / INDONESIA

  ปฏิเสธไม่ได้ว่า ชีวิตในปัจจุบันของเราส่วนใหญ่ทุกวันนี้ นั้นจะขาดกาแฟไม่ได้เลย….อารมณ์เหมือนขาดเธอ เหมือนจะขาดใจอะไรยังไงอย่างงั้นเลยหล่ะครับ…..

  แต่เพื่อน ๆ รู้กันไหมครับว่า กาแฟที่เราดื่มกันทุกวันนี้มาจาก 2 สายพันธุ์หลัก ๆ นี้ครับ นั่นก็คือ  Arabica และ Robusta นั่นเอง

  อาราบิก้านั้น นิยมปลูกทางภาคเหนือซะเป็นส่วนใหญ่ เนื่องด้วยความสูง และสภาพอากาศที่หนาวเย็นที่เอื้อต่อการเจริญเติบโต และคุณภาพของต้นกาแฟ ส่วนโรบัสต้าจะนิยมปลูกกันทางภาคใต้ เพราะต้นกาแฟทนทานต่อโรค และแมลง ชอบอากาศร้อนชื้น และไม่ต้องการความสูงมากก็อยู่ได้นั่นเองครับ….

——————

รู้ข้อแตกต่างของอาราบิก้าและโรบัสต้ากันไปแล้ว และรู้ไหมครับว่า THE ALISONS เราใช้กาแฟ Arabica 100% น๊าาาาาา

Character และรายละเอียดตาม Link นี้ไปเลยครับ

https://www.facebook.com/TheAlisonsCoffeeRoasters/posts/1641594895878200

——————

ทักทายพวกเราได้ที่ :

Line @ : https://line.me/R/ti/p/%40thealisons

Instagram : https://www.instagram.com/the_alisons/

Website : https://www.thealisonscnx.com/

——————

source : 

Photo : by Nathan Dumlao on Unsplash  

#THEALISONS #Infographic #coffeeinfographic #เดอะอาลีซันบริการดุจญาติฝ่ายแม่ #เครื่องชงกาแฟ #เครื่องบดกาแฟ
#เครื่องกรองน้ำBWT